เวลาทำการ

จันทร์-ศุกร์ :

09.00 - 18.00 น.

เสาร์-อาทิตย์ :

หยุดทำการ

เราช่วยคุณได้

@worldplustour

Travel License : 11/12896

หน้าแรก

/

บทความท่องเที่ยว

/

ซินเจียง เส้นทางสายไหม ความงามที่ซ่อนอยู่ระหว่างทะเลทรายและภูเขาหิมะ

ซินเจียง เส้นทางสายไหม ความงามที่ซ่อนอยู่ระหว่างทะเลทรายและภูเขาหิมะ

21

May

จีน

ซินเจียง เส้นทางสายไหม ความงามที่ซ่อนอยู่ระหว่างทะเลทรายและภูเขาหิมะ

ในดินแดนตะวันตกสุดของจีน ยังมี "ซินเจียง" ที่เต็มไปด้วยความงดงามแปลกตา จากทะเลทรายร้อนระอุสู่ภูเขาหิมะขาวโพลน เส้นทางสายไหมโบราณยังคงทิ้งร่องรอยของอารยธรรมไว้อย่างลึกซึ้ง ท่ามกลางธรรมชาติและผู้คนหลากหลายเชื้อชาติที่ยังคงมีชีวิตชีวา

คานาสือ (Kanas)

คานาสือ (Kanas) เป็นพื้นที่ธรรมชาติอันงดงามที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเขตปกครองตนเองซินเจียง ประเทศจีน โดดเด่นด้วยทะเลสาบสีฟ้าใสที่สะท้อนเงาภูเขาและป่าสนโดยรอบอย่างงดงาม บรรยากาศของคานาสือเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล โดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วงที่ป่าไม้จะเปลี่ยนเป็นสีทองตัดกับพื้นน้ำและท้องฟ้าอย่างลงตัว
พื้นที่โดยรอบยังเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าถู่หวา (Tuvan) ซึ่งมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมพื้นถิ่นอย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้ คานาสือยังได้รับการขนานนามว่าเป็น “สวรรค์ของช่างภาพ” และ “สวิตเซอร์แลนด์แห่งจีน” เพราะความเงียบสงบและความงามที่แทบไม่ผ่านการปรุงแต่งใดๆ

เทือกเขาเทียนซาน (Tianshan Mountain)

เทือกเขาเทียนซาน (Tianshan Mountain) เป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ที่ทอดตัวยาวผ่านหลายประเทศในเอเชียกลาง รวมถึงจีน คาซัคสถาน และคีร์กีซสถาน โดยมีความยาวกว่า 2,500 กิโลเมตร เทียนซานมีชื่อเสียงจากยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี ธารน้ำแข็งที่สวยงาม และทุ่งหญ้าอัลไพน์ที่อุดมสมบูรณ์
หนึ่งในจุดเด่นของเทียนซานคือ ภูมิทัศน์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ทะเลสาบน้ำแข็ง ป่าสนเขียวขจี ไปจนถึงหน้าผาสูงชัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ การเดินเขา และการสำรวจเส้นทางสายไหมในอดีต นอกจากนี้ เทียนซานยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมอีกด้วย

คัชการ์ (Kashgar)

คัชการ์ (Kashgar) เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของเขตปกครองตนเองซินเจียง ประเทศจีน และเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเส้นทางสายไหมในอดีต เมืองนี้เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของชาวอุยกูร์ เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอิสลามแบบดั้งเดิม ตลาดพื้นเมืองที่คึกคัก และวิถีชีวิตที่ยังคงความดั้งเดิม
หนึ่งในความโดดเด่นของคัชการ์คือเมืองเก่า ซึ่งมีบ้านเรือนอายุกว่าร้อยปี ถนนแคบคดเคี้ยว และบรรยากาศที่พาผู้มาเยือนย้อนเวลากลับไปในอดีต นอกจากนี้ เมืองยังเป็นจุดบรรจบของหลายเชื้อชาติ ทำให้เกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรม ศิลปะ และอาหารที่หลากหลายและน่าหลงใหล

เมืองผีอูร์โฮ (Urho Ghost City) และ ทะเลทรายทาริม (Tarim Desert)

เมืองผีอูร์โฮ (Urho Ghost City) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียง ประเทศจีน เมืองนี้เคยเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชนเผ่าชาวอูร์โฮในอดีต แต่ปัจจุบันกลายเป็นเมืองร้างที่เต็มไปด้วยความลึกลับและความน่าสนใจจากการสลายตัวของอารยธรรมโบราณ
เมืองผีอูร์โฮตั้งอยู่ในทะเลทราย ท่ามกลางภูมิทัศน์ที่แห้งแล้งและร้อนแรง มีโครงสร้างอาคารจากดินและอิฐที่ยังคงอยู่ซึ่งสะท้อนถึงวิถีชีวิตในอดีต ทำให้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการสำรวจและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของอารยธรรมโบราณ

ทะเลทรายทาริม (Tarim Desert) เป็นทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในเขตปกครองตนเองซินเจียง ประเทศจีน และมีความสำคัญทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก ทะเลทรายทาริมครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,000,000 ตารางกิโลเมตร และตั้งอยู่ใจกลางของเส้นทางสายไหมที่เก่าแก่
ทะเลทรายทาริมมีลักษณะเป็นทะเลทรายทรายละเอียดและคลื่นทรายที่สูงใหญ่ ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและการสำรวจธรรมชาติ นอกจากความสวยงามของทิวทัศน์แล้ว ทะเลทรายแห่งนี้ยังมีแหล่งน้ำใต้ดินที่สำคัญ และโอเอซิสที่สวยงามในบางจุด ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชนเผ่าต่างๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณ

ทุ่งหญ้ากาลาจุน (Kalajun Prairie)

ทุ่งหญ้ากาลาจุน (Kalajun Prairie) ตั้งอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียง ประเทศจีน เป็นหนึ่งในทุ่งหญ้าที่สวยงามและกว้างใหญ่ที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคนี้ ทุ่งหญ้ากาลาจุนมีทิวทัศน์ที่โดดเด่นด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวขจีที่ทอดยาวไปจนถึงขอบฟ้า บรรยากาศเงียบสงบและเหมาะแก่การสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
ทุ่งหญ้ากาลาจุนเป็นที่ตั้งของชนเผ่าชาวคาซัคที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิม โดยเฉพาะการเลี้ยงสัตว์ เช่น ม้าและแกะ ทุ่งหญ้าแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่มีความผูกพันกับธรรมชาติ ผู้มาเยือนสามารถสัมผัสกับทิวทัศน์ที่งดงามของภูเขาและทุ่งหญ้า รวมถึงกิจกรรมต่างๆ เช่น การขี่ม้าและเดินป่า
นอกจากนี้ ทุ่งหญ้ากาลาจุนยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ เนื่องจากทิวทัศน์ที่สวยงามในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนเมื่อทุ่งหญ้าเขียวขจีและดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในจุดหมายที่ควรไปเยือนสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรมพื้นเมือง

หาดห้าสี (Five Colored Beach)

หาดห้าสี (Five Colored Beach) หรือ วูไฉ่ถาน (Wucaitan) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงจากทิวทัศน์ที่มีหินและเนินดินหลากสีสัน เช่น แดง, เหลือง, ขาว, และเขียว ที่เกิดจากการกัดเซาะของลมและน้ำบนพื้นดิน ทิวทัศน์ที่นี่มีความงดงามและแปลกตา ทำให้เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม
หาดห้าสีตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำเอิร์ทซี่ (Irtysh River) และเป็นส่วนหนึ่งของภูมิประเทศที่มีการกัดเซาะจากลมและน้ำจนกลายเป็นรูปทรงที่น่าสนใจ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมคือในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อแสงอาทิตย์จะทำให้สีสันของหินและภูมิประเทศเปล่งประกายอย่างสวยงาม

เคอเคอทัวไห่(Keketuohai)

เคอเคอทัวไห่(Keketuohai) ตั้งอยู่ในเขตฟู่หยุนของจังหวัดซินเจียง ประเทศจีน เป็นอุทยานธรณีวิทยาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น UNESCO Global Geopark ในปี 2017 พื้นที่มีความหลากหลายทางภูมิประเทศ เช่น หุบเขาแม่น้ำ Irtysh และทะเลสาบ Yileimu โดยมีลักษณะภูมิทัศน์ที่โดดเด่นจากการแทรกซึมของหินหนืดในยุคยานซาน นอกจากนี้ยังมีความสำคัญทางธรณีวิทยาเช่น แหล่งแร่หายากและรอยเลื่อนแผ่นดินไหว Fuyun
อุทยานแห่งนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพ โดยพบสัตว์ป่าหายาก เช่น เสือดาวหิมะ และพืชพรรณที่มีลักษณะเฉพาะตัว ภูมิประเทศที่ประกอบด้วยหินแกรนิตและภูเขาสูงทำให้ Keketuohai เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเดินป่าและถ่ายภาพ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ทิวทัศน์งดงาม

ทะเลสาบไซหลิมู (Sailimu Lake)

ทะเลสาบไซหลิมู (Sailimu Lake) ตั้งอยู่ในเขตโบเล่ของมณฑลซินเจียง ประเทศจีน เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีความสวยงามและตั้งอยู่ที่ความสูง 2,073 เมตรจากระดับน้ำทะเล ภายในทะเลสาบมีน้ำที่ใสและมีสีฟ้าสวยงาม สะท้อนทิวทัศน์ของทุ่งหญ้าและภูเขาหิมะรอบด้าน ซึ่งทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยม ทะเลสาบแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 453 ตารางกิโลเมตร และลึกที่สุด 92 เมตร ในช่วงฤดูร้อน ชาวมองโกเลียและคาซัคจะจัดเทศกาลนาดัม ซึ่งเป็นเทศกาลประเพณีที่สำคัญของท้องถิ่น รอบทะเลสาบมีที่พักและบริการเรือให้แก่นักท่องเที่ยว ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการสัมผัสธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่นของซินเจียงอย่างแท้จริง

แคนยอนอันจี้ไห่ (Anjihai Grand Canyon)

แคนยอนอันจี้ไห่ (Anjihai Grand Canyon) ตั้งอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงของจีน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีภูมิทัศน์อันงดงามและเป็นเอกลักษณ์ ด้วยหน้าผาสูงชันและหินที่มีสีสันหลากหลาย เช่น แดง ส้ม และเทา เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำอันจี้ไห่ที่ไหลผ่านพื้นที่นี้นานหลายพันปี แคนยอนมีความยาวประมาณ 30 กิโลเมตรและลึกถึง 400 เมตร จุดที่แคบที่สุดมีความกว้างเพียง 2-3 เมตร ซึ่งทำให้การเดินทางไปยังแคนยอนนี้มีความท้าทาย เนื่องจากถนนยังเป็นลูกรังและลาดชัน ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเยี่ยมชมคือฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง เพราะอากาศเย็นสบายและทัศนียภาพสวยงาม แคนยอนนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยและถ่ายภาพธรรมชาติที่น่าทึ่ง

สะพานกั๋วจือโกว (Guozigou Bridge)

สะพานกั๋วจือโกว (Guozigou Bridge) ตั้งอยู่ในเขตหั่วเฉิง มณฑลซินเจียง ประเทศจีน เป็นสะพานแขวนแบบเคเบิลสเตย์ที่มีความสูงถึง 180 เมตร และเปิดใช้งานในปี 2011 สะพานนี้เป็นส่วนหนึ่งของทางด่วน G30 ที่เชื่อมต่อเมืองลี่อันหยุนกังกับพรมแดนฮอร์กอส ความยาวของสะพานรวมประมาณ 700 เมตร โดยช่วงกลางของสะพานยาวถึง 360 เมตร โครงสร้างสะพานประกอบด้วยหอคอย H-Frame ขนาดใหญ่สองต้นที่มีความสูงมากกว่า 200 เมตร ถือเป็นสะพานที่สูงที่สุดในซินเจียงและหนึ่งในสะพานที่น่าทึ่งทางวิศวกรรม สะพานกั๋วจือโกวตั้งอยู่ในหุบเขากั๋วจือโกว ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญในเส้นทางสายไหมโบราณที่เชื่อมจีนกับเอเชียกลางและยุโรป การเดินทางข้ามสะพานมอบประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นให้กับผู้เดินทาง โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนเมื่อดอกไม้ป่าเริ่มบาน นอกจากนี้สะพานยังเป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมของทิวทัศน์ธรรมชาติรอบๆ และเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางวิศวกรรมในซินเจียง

หมู่บ้านไบฮาบา (Baihaba Village) และ หมู่บ้านเฮมู่ (Hemu Village)

หมู่บ้านไบฮาบา (Baihaba Village) ที่ตั้งอยู่ในหุบเขาระหว่างภูเขาอัลไตและแม่น้ำไบฮาบา เป็นสถานที่ที่เหมือนหลุดออกมาจากนิทานสวรรค์ของธรรมชาติ ที่นี่คุณจะได้พบกับทิวทัศน์ที่สวยงามไม่เหมือนใคร ภูเขาปกคลุมด้วยหิมะ และทุ่งหญ้าที่เขียวขจีในฤดูร้อน หรือท่ามกลางสีทองของใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง ที่ทำให้ที่นี่เหมาะแก่การเดินทางมาสัมผัสบรรยากาศที่เงียบสงบและไม่ถูกรบกวนจากมวลมนุษย์
หากคุณอยากเห็นวิถีชีวิตของชาวทูวา (Tuva) ที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม ทั้งการเลี้ยงสัตว์และการทำเกษตรกรรม หมู่บ้านนี้จะมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับคุณ ชาวบ้านยังคงอยู่ในบ้านไม้แบบดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ หากคุณโชคดีอาจได้ร่วมทานอาหารพื้นเมือง หรือได้ลองทำกิจกรรมดั้งเดิมกับคนในหมู่บ้าน

หมู่บ้านเฮมู่ (Hemu Village) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของซินเจียง ในหุบเขาที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขาอัลไต ที่นี่คือหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดของจีน ด้วยบ้านไม้ดั้งเดิมที่กระจายตัวอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าและป่าเขียวขจี ความงามของเฮมู่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ฤดูร้อนเต็มไปด้วยดอกไม้ป่า ฤดูใบไม้ร่วงถูกย้อมด้วยสีทองและแดง ส่วนฤดูหนาวปกคลุมด้วยหิมะขาวบริสุทธิ์ เสน่ห์อีกอย่างคือวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวทูวา (Tuva) ที่ยังคงเลี้ยงสัตว์และใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติอย่างสงบ ไม่ว่าจะมาเพื่อพักผ่อน ถ่ายภาพ หรือสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิม เฮมู่คือหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มอบประสบการณ์ยิ่งใหญ่ให้กับทุกคนที่ได้มาเยือน

แกรนด์บาซาร์ อุรุมชี (Grand Bazaar, Urumqi) และ สุสานฮามี่ (The Mausoleum of Hami)

แกรนด์บาซาร์ อุรุมชี (Grand Bazaar, Urumqi) คือหัวใจทางวัฒนธรรมและการค้าของเขตปกครองตนเองซินเจียง ที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของโลกอาหรับ ผสมผสานกับวัฒนธรรมอุยกูร์อันเข้มข้น อาคารโดมสูง หอคอยสไตล์อิสลาม และเสียงดนตรีพื้นเมืองสร้างบรรยากาศราวกับอยู่ในตลาดตะวันออกกลาง คุณจะได้พบกับสินค้าท้องถิ่นมากมาย ทั้งผลไม้แห้ง ผ้าไหม เครื่องเทศ พรมทอมือ และเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์ รวมถึงอาหารพื้นเมืองอย่างข้าวหมก เนื้อย่าง และชาร้อนหอมเครื่องเทศ ไม่ใช่แค่ตลาด แต่คือประสบการณ์ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสความหลากหลายของเชื้อชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่มีชีวิตชีวาในใจกลางเมืองอุรุมชี

สุสานฮามี่ (The Mausoleum of Hami) เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเงียบสงบ ตั้งอยู่ในเมืองฮามี่ เขตซินเจียง สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์และราชวงศ์อุยกูร์ในอดีต ตัวอาคารมีสถาปัตยกรรมแบบอิสลามผสมจีน โดดเด่นด้วยโดมสีน้ำเงิน ลวดลายกระเบื้อง และสุเหร่าที่สง่างาม
ที่นี่ไม่เพียงแต่สะท้อนความเชื่อและศิลปะในอดีต แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งอัตลักษณ์ของชาวอุยกูร์ในภูมิภาคตะวันตกของจีน ท่ามกลางภูมิทัศน์แห้งแล้ง สุสานแห่งนี้คือโอเอซิสทางวัฒนธรรมที่ยังคงมีชีวิต

ถ้ำโม่เกา (Mogao Caves)

ถ้ำโม่เกา (Mogao Caves) ถ้ำโม่เกา หรือที่รู้จักกันว่า “ถ้ำพันพระ” ตั้งอยู่ใกล้เมืองตุนหวง มณฑลกานซู่ เป็นหนึ่งในแหล่งศิลปะพุทธที่สำคัญที่สุดในโลก ถ้ำแห่งนี้สกัดเข้าไปในหน้าผา และเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังและรูปปั้นพระพุทธรูปนับพัน สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของเส้นทางสายไหมทั้งด้านศาสนาและวัฒนธรรม
ที่นี่เป็นมากกว่าถ้ำ เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตของพุทธศิลป์จากกว่า 1,000 ปี ทั้งสมัยราชวงศ์เว่ย ถัง และซ่ง ที่ผสมผสานศิลปะจีน อินเดีย และเปอร์เซียไว้อย่างงดงาม ถ้ำโม่เกาคือสถานที่ที่เวลาเดินช้าลง ให้คุณได้หยุดมองอดีตผ่านสี ฝีแปรง และความศรัทธาอันลึกซึ้ง

ทางด่วนบนทะเลทรายโกบี (Expressway on Gobi) และ ทัชคูร์กัน (Tashkurgan)

ทางด่วนบนทะเลทรายโกบี (Expressway on Gobi) ทางด่วนที่ตัดผ่านทะเลทรายโกบี คือหนึ่งในเส้นทางที่น่าทึ่งที่สุดของจีน เชื่อมต่อเมืองสำคัญในเขตซินเจียงและกานซู่ ท่ามกลางภูมิประเทศอันแห้งแล้งและเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา เส้นทางนี้ไม่ได้มีแค่ความสะดวกสบาย แต่ยังเผยให้เห็นความงามแบบเรียบง่ายของทะเลทรายที่เปลี่ยนสีตามแสงแดดจากทองอ่อนยามเช้า สู่แดงเข้มยามเย็น และท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต การขับรถบนทางด่วนสายนี้ คือการเดินทางผ่าน “ความว่างเปล่าที่มีชีวิต” และเป็นบทพิสูจน์ถึงความสามารถของมนุษย์ในการสร้างสรรค์เส้นทางท่ามกลางธรรมชาติที่รุนแรงและท้าทาย

ทัชคูร์กัน (Tashkurgan) เป็นเมืองเล็ก ๆ บนที่ราบสูง ปลายทางตะวันตกสุดของจีนในเขตซินเจียง ใกล้พรมแดนทาจิกิสถานและปากีสถาน เมืองนี้มีทิวทัศน์อลังการของเทือกเขาปาเมียร์ พร้อมที่ราบกว้างใหญ่และท้องฟ้าเปิดกว้างราวภาพวาด ที่นี่คือบ้านของชนกลุ่มน้อยชาวทาจิก ซึ่งยังคงรักษาวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบเร่ร่อนดั้งเดิม คุณจะได้พบกับบ้านหินพื้นถิ่น ผู้คนในชุดพื้นเมือง และบรรยากาศเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติบริสุทธิ์ ด้วยเส้นทางโบราณที่เชื่อมต่อเส้นทางสายไหม ทัชคูร์กันจึงเปรียบเหมือนประตูสู่อารยธรรมโบราณ และเป็นจุดแวะพักอันงดงามของผู้แสวงหาความสงบและการเดินทางที่ไม่เหมือนใคร

มัสยิดอิดกะห์ (Id Kah Mosque)

มัสยิดอิดกะห์ (Id Kah Mosque) คือมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และเป็นศูนย์กลางจิตวิญญาณของชาวอุยกูร์มานานหลายศตวรรษ สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ด้วยสถาปัตยกรรมอิสลามที่งดงาม โดดเด่นด้วยกำแพงสีเหลืองอ่อน ประตูโค้งสูง และลานกว้างที่ใช้ประกอบพิธีละหมาด ที่นี่ไม่ใช่เพียงสถานที่ทางศาสนา แต่ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรม วิถีชีวิต และประวัติศาสตร์ของชาวอุยกูร์ ผู้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลมาเยี่ยมชม เพื่อสัมผัสความสงบและความงดงามของศิลปะอิสลามท่ามกลางเมืองโบราณ มัสยิดอิดกะห์คือหัวใจที่เต้นอยู่กลางวัฒนธรรมอันหลากหลายของเส้นทางสายไหมในโลกยุคใหม่

จำนวนผู้เข้าชม 38 ครั้ง